Follow prapat1909 on Twitter

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

45 ปีอาเซียน


45 ปีอาเซียน

ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์
คอลัมน์กระบวนทรรศน์ ฉบับวันที่ 9 สิงหาคม 2555
 
การผงาดขึ้นมาของอาเซียน

ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ของประเทศสมาชิกก่อตั้งอาเซียน และเป็นจุดกำเนิดของอาเซียน โดยไทยมีบทบาทอย่างแข็งขันมาโดยตลอด ในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา

                ในปัจจุบัน อาเซียนนับว่ามีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก ขณะนี้อาเซียนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ประมาณ 60-70 % ของ GDP ไทย มาจากการส่งออก ดังนั้น เศรษฐกิจไทยจึงเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจของอาเซียนเป็นอย่างมาก

                หากอาเซียนเป็นประเทศ อาเซียนจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก โดยมี GDP รวมกันสูงถึงกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ ADB ได้ทำการศึกษาถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของอาเซียนในปี 2030 พบว่า ในปีดังกล่าว GDP ของอาเซียนจะขยายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว คือจะมี GDP อยู่ประมาณ 7-8 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งจะทำให้อาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก ดังนั้น จากแนวโน้มดังกล่าว จะเห็นได้ว่า อาเซียนกำลังจะผงาดขึ้นมาเป็นขั้วเศรษฐกิจโลก เป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกในอนาคต ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์อย่างมาก จากการเป็นสมาชิกของอาเซียน

                นอกจากนี้ อาเซียนกำลังเป็นสถาบันหลักในภูมิภาค เป็นเวทีพหุภาคีทางการทูตที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค สัจธรรมของการเมืองและเศรษฐกิจโลก คือ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ประเทศใหญ่ได้เปรียบ ประเทศเล็กเสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก ไทยจะเสียเปรียบเป็นอย่างมาก หากเราอยู่เพียงตัวคนเดียว ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ไทยจะต้องรวมกลุ่มกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่สำคัญ ที่ไทยจะต้องให้ความสำคัญกับอาเซียน และต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมสู่การจัดตั้งประชาคมอาเซียน

                ศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

                และด้วยความจำเป็นดังกล่าว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงริเริ่มตั้งศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขึ้น ในช่วงปลายปีที่แล้ว โดยมีผมเป็นผู้อำนวยการก่อตั้งศูนย์ฯ เพื่อเป็นกลไกหลักของการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน และเป็นศูนย์กลางในการศึกษาวิจัย และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับอาเซียนสู่สาธารณชน รวมทั้งเป็นคลังสมองด้านอาเซียนศึกษา และสนับสุนนกิจกรรมต่างๆและบทบาทของไทยในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน

                ศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เริ่มดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่ในช่วงต้นปีนี้ โดยได้มีการจัดประชุมระดมสมองครั้งที่ 1 เรื่อง “Roadmap สู่ประชาคมอาเซียน ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และได้ดำเนินโครงการเป็นที่ปรึกษาให้กับ ก.พ.ในการจัดทำแผน 4 ปี เพื่อเตรียมพร้อมบุคลากรภาครัฐสู่ประชาคมอาเซียน และขณะนี้ศูนย์ฯก็กำลังดำเนินโครงการให้กับ ก.พ.ร. ในโครงการขับเคลื่อนภาครัฐในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยกำลังจะมีการจัดทำตัวชี้วัด เพื่อติดตามประเมินผลความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานราชการต่างๆของไทย รวมทั้งจัดทำ Roadmap หรือแผนแม่บทการเตรียมความพร้อมของภาคราชการไทย

โครงการต่างๆ ที่ศูนย์ฯกำลังดำเนินการอยู่ และที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต ก็มีมากมายหลายโครงการ ทั้งโครงการวิจัย โครงการเป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานราชการต่างๆ โครงการฝึกอบรม โครงการจัดประชุมในรูปแบบต่างๆ และโครงการจัดประชุมนานาชาติ

นอกจากนี้ ศูนย์ฯได้จัดทำเว็บไซด์ของศูนย์ฯขึ้น โดยมีชื่อว่า www.castu.org เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลด้านอาเซียนศึกษาของประเทศ โดยในเว็บไซด์ของศูนย์ฯจะมีข้อมูลเกี่ยวกับอาเซียนในทุกๆด้าน ผลงานวิจัยและผลงานการศึกษาของศูนย์ฯ และหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน รายละเอียดเกี่ยวกับการมีบทบาทในการเป็นคลังสมองของประเทศ รวมทั้งสิ่งพิมพ์ในรูปแบบต่างๆที่สามารถดาวน์โหลดได้ อาทิ บทความ บทวิเคราะห์ หนังสือ Press Release เป็นต้น

ศูนย์ฯ ตั้งเป้าหมายว่า จะพัฒนาไปเป็นศูนย์อาเซียนศึกษาในระดับชาติ และในระดับภูมิภาคต่อไป

                เหลียวหลัง แลหน้า 45 ปีอาเซียน

กิจกรรมล่าสุดของศูนย์อาเซียนศึกษาก็คือ การจัดสัมมนา เมื่อวันอังคารที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมานี้เอง ในโอกาสของการครบรอบ 45 ปีของการก่อตั้งอาเซียน ซึ่งก็คือวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเราเรียกว่าเป็นวันอาเซียนหรือวันเกิดของอาเซียน นับเป็นโอกาสอันสำคัญที่ได้มีการเหลียวหลัง คือ การวิเคราะห์ ประเมินความสำเร็จในรอบ 45 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งสิ่งท้าทายต่างๆ และการแลหน้า คือ การวิเคราะห์ เสนอแนะ วิสัยทัศน์และ Roadmap ของอาเซียนในอนาคต ซึ่งการสัมมนาในวันนั้น ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมงานสัมมนา ทั้งต่อภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และนักศึกษา และเป็นประโยชน์สำหรับการเตรียมความพร้อมของไทยสู่ประชาคมอาเซียนด้วย

สำหรับข้อสรุปของการประเมินความสำเร็จของอาเซียนนั้น ตลอดเวลา 45 ปีที่ผ่านมา อาเซียนมีวิวัฒนาการเรื่อยมา และมีบทบาทสำคัญ ในยุคสงครามเย็นอาเซียนเป็นแนวร่วมของไทยในการต่อต้านคอมมิวนิสต์ และต่อมาในยุคหลังสงครามเย็น อาเซียนเดินหน้าบูรณาการทางเศรษฐกิจ จนมาถึงปี 2003 ได้มีข้อตกลงที่จะจัดตั้งประชาคมอาเซียนขึ้น ภายในปี 2015 ขณะนี้อาเซียนกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งประชาคมอาเซียน

อย่างไรก็ตาม อาเซียนยังมีสิ่งท้าทาย อุปสรรค และขวากหนาม อยู่ไม่น้อยสำหรับเดินทางการเดินไปสู่ประชาคมอาเซียน อุปสรรคสำคัญคือ ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศสมาชิก ความไม่วางใจซึ่งกันและกัน ช่องว่างระหว่างประเทศรวยกับประเทศจน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้อาเซียนไม่สามารถบูรณาการทางเศรษฐกิจในเชิงลึกได้ นอกจากนั้น อาเซียนยังขาดอัตลักษณ์ร่วม ทำให้อาเซียน 600 ล้านคน ยังไม่รู้สึกเป็นพวกเดียวกัน นำไปสู่ความแตกแยก ไม่เป็นเอกภาพ และไม่สามัคคีกันในอาเซียน

ปัญหาล่าสุด คือ การแตกแยกกันในกรณีทะเลจีนใต้ โดยอาเซียนแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งถือหางสหรัฐ และต้องการให้แถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน มีข้อความโจมตีจีน ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง ถือหางจีน (โดยเฉพาะกัมพูชา) จึงทำให้ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งล่าสุด ที่กรุงพนมเปญ อาเซียนไม่สามารถมีแถลงการณ์ร่วมออกมาได้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 45 ปีของอาเซียนที่อาเซียนไม่มีแถลงการณ์ร่วม

เหตุการณ์ดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า อาเซียนยังมีสิ่งท้าทาย อุปสรรค ขวากหนามอีกมาก ในการที่จะพัฒนาไปเป็นประชาคมอาเซียนที่สมบูรณ์แบบ

ดังนั้น ประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทย จะต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆเหล่านี้ เพื่อทำให้อาเซียนสามารถพัฒนาไปเป็นประชาคมที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงในอนาคตและจะทำให้อาเซียนผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกได้ในอนาคต รวมทั้งจะทำให้อาเซียนสามารถดำรงการเป็นแกนกลางของสถาปัตยกรรมในภูมิภาค และเป็นเวทีพหุภาคีทางการทูตที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคต่อไปได้