ไทยกับการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน (ตอนที่1)
ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์
คอลัมน์กระบวนทรรศน์ ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม 2555
เรื่องที่ผมจะเขียนในคอลัมน์กระบวนทรรศน์ในวันนี้
คือ เรื่อง “ไทยกับการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน” โดยผมจะกล่าวในภาพรวมก่อน พูดถึงความสำคัญของอาเซียนต่อไทย
ภาพรวมประชาคมอาเซียนและยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมของไทย
ความสำคัญของอาเซียนต่อไทย
สำหรับคำถามแรกที่ผมอยากจะตอบ
หลาย ๆ คนอาจจะยังคงตั้งคำถามอยู่ในใจว่า ทำไมเราจะต้องศึกษาเรื่องอาเซียน
ทำไมเราจะต้องเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ประชาคมอาเซียนสำคัญอย่างไร
อาจจะเป็นคำถามที่คาใจสำหรับหลาย ๆ คน
ผมอยากจะตอบว่า อาเซียนถือได้ว่า เป็นองค์การระหว่างประเทศที่มีความสำคัญที่สุดต่อไทยในทุก
ๆ ด้าน
ในด้านเศรษฐกิจ
ตัวเลขชัดเจน ไทยค้าขายกับประเทศอาเซียนมากที่สุด
ขณะนี้อาเซียนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย การลงทุนกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย
ๆ แม้ว่าขณะนี้ต่างชาติที่มาลงทุนในไทยมากที่สุด คือ ยุโรปและญี่ปุ่น
แต่ประเทศในอาเซียนก็มาลงทุนในไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ประเทศไทยก็ไปลงทุนในอาเซียนมากขึ้น
ในด้านการเมืองความมั่นคง
อาเซียนเกิดขึ้นมาได้ เนื่องจากเหตุผลทางด้านการเมืองความมั่นคง เมื่อ 45 ปีมาแล้ว
ตอนที่ไทยริเริ่มตั้งอาเซียน เหตุผลสำคัญ คือ เรื่องการเมืองความมั่นคง
ในตอนนั้นเป็นยุคสงครามเย็น คอมมิวนิสต์ คือ ภัยคุกคามหลัก เพราะฉะนั้น
เราได้ประโยชน์มากในการตั้งอาเซียนขึ้นมา คือ เรามีพวก
มีพันธมิตรในการต่อสู้กับภัยคุกคามคอมมิวนิสต์
ในปี 1978
เกิดปัญหาใหญ่ในภูมิภาค คือ เวียดนามบุกยึดกัมพูชา
ไทยจึงใช้อาเซียนในการสร้างแนวร่วมประสานท่าทีในการที่จะไปล็อบบี้ UN สหรัฐฯ และประเทศมหาอำนาจ ซึ่งในที่สุดก็ทำสำเร็จ
ผลักดันให้เวียดนามถอนทหารออกจากกัมพูชาในปี 1989
สัจธรรมที่สำคัญในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
คือ “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” ประเทศเล็กเสียเปรียบ
ประเทศใหญ่ได้เปรียบ เราจะเห็นได้ว่า มหาอำนาจ คือ ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งนั้น คือ สหรัฐฯ
จีน รัสเซีย อินเดีย ถามว่าประเทศเล็กจะอยู่รอดได้อย่างไร ในการเมืองโลก
ในเศรษฐกิจโลก ประเทศเล็กจะอยู่รอดได้ คือ ต้องรวมตัวกัน ถือเป็นเหตุผลหลักว่า
ทำไมยุโรปซึ่งมีแต่ประเทศเล็ก ๆ จึงรวมตัวกันเป็นสหภาพยุโรป และนี่ก็คือเหตุผลว่า
ทำไมประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงต้องมารวมตัวกันเป็นอาเซียน
เพราะว่า เมื่อ “รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย” เมื่อรวมตัวกันแล้ว อำนาจการต่อรองบนเวทีระหว่างประเทศจะมีมากขึ้นสำหรับอาเซียน
สำหรับไทยก็ได้ประโยชน์มาก แทนที่เราจะอยู่ตัวคนเดียว เราก็มีอาเซียนเป็นพวก เป็นแนวร่วม
อำนาจการต่อรองของไทยก็เพิ่มขึ้นมาก
อีกเรื่องหนึ่ง คือ
เราอาจจะได้ยินกันมากในเรื่องการผงาดขึ้นมาของจีน (the
rise of China) และการผงาดขึ้นมาของอินเดีย (the rise of
India) แต่เราอาจจะลืมไปว่า ยังมีการผงาดขึ้นมาของอาเซียน (the
rise of ASEAN) ด้วย เราอาจจะมองข้ามตัวเราเองไป เรามองแต่มหาอำนาจใหญ่
ๆ เมื่ออาเซียนรวมตัวกัน จะมีประชากรประมาณ 600 ล้านคน GDP
รวมกันประมาณ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งหาก 10 ประเทศรวมตัวกันเหนียวแน่น ก็ไม่เบา
เพราะฉะนั้น การผงาดขึ้นมาของอาเซียน กำลังเป็นตัวแปรสำคัญในระบบเศรษฐกิจและระบบการเมืองโลก
การผงาดขึ้นมาของอาเซียนนั้น เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการผงาดขึ้นมาของจีนและอินเดีย
อาเซียนจึงมีความสำคัญมาก
ในปัจจุบัน อาเซียนนับว่ามีความสำคัญต่อไทยเป็นอย่างมาก
ขณะนี้อาเซียนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ประมาณ 60-70 % ของ GDP ไทย มาจากการส่งออก ดังนั้น
เศรษฐกิจไทยจึงเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจของอาเซียนเป็นอย่างมาก
หากอาเซียนเป็นประเทศ
อาเซียนจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก โดยมี GDP รวมกันสูงถึงกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย
หรือ ADB ได้ทำการศึกษาถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของอาเซียนในปี
2030 พบว่า ในปีดังกล่าว GDP
ของอาเซียนจะขยายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว คือจะมี GDP อยู่ประมาณ
7-8 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งจะทำให้อาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก
ดังนั้น จากแนวโน้มดังกล่าว จะเห็นได้ว่า
อาเซียนกำลังจะผงาดขึ้นมาเป็นขั้วเศรษฐกิจโลก เป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกในอนาคต
ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์อย่างมาก จากการเป็นสมาชิกของอาเซียน
นอกจากนี้
อาเซียนก็กำลังเป็นสถาบันหลักในภูมิภาค เป็นเวทีพหุภาคีทางการทูตที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค
หากดูภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียแปซิฟิก
จะเห็นได้ว่า องค์กรหรือสถาบันที่สำคัญที่สุด คือ อาเซียน บางคนอาจบอกว่า เอเปก แต่เอเปกไม่มีทางสู้อาเซียนได้
เนื่องจากเอเปกก่อตั้งมาเป็นเวลา 20 ปี แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อาเซียนกำลังจะกลายเป็นแกนกลางของสถาปัตยกรรมในภูมิภาค
อาเซียนจะเป็นแกนหลักของสถาบัน ระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาค
ปัจจุบันใคร ๆ ก็มาตีสนิทกับอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย ยุโรป และสหรัฐฯ
ดังนั้น อาเซียนกำลังมีความสำคัญมาก นี่คือ
ความสำคัญของอาเซียนที่ไทยจะมองข้ามไม่ได้ การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ก็ยิ่งจะทำให้อาเซียนมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก
ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก
ไทยจะเสียเปรียบเป็นอย่างมาก หากเราอยู่เพียงตัวคนเดียว ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ที่ไทยจะต้องรวมกลุ่มกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง และนี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ไทยจะต้องให้ความสำคัญกับอาเซียน
และต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
ประชาคมอาเซียน
อาเซียน มีประวัติศาสตร์มายาวนานถึง 45 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก
มีทั้งยุครุ่งเรื่อง ยุคทอง ยุคตกต่ำ (ยุควิกฤตเศรษฐกิจ) เราก็ผ่านมาหมดแล้ว
ยุควิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1997 อาเซียนก็ตกต่ำมาก
ดังนั้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจ อาเซียนจึงหันกลับมามองว่า เราต้องกลับมาเดินหน้ากันต่อ
จึงเป็นที่มาที่ได้มีการผลักดันให้มีการบูรณาการกันมากขึ้น ในปี 2002
สิงคโปร์ได้เสนอเรื่องการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนขึ้น และในปี 2003
มีการต่อยอดออกไป ในการประชุมสุดยอดที่บาหลี อินโดนีเซีย ก็ได้ตกลงกันว่า จะมีการจัดตั้งประชาคมอาเซียนขึ้น
ซึ่งในตอนแรกตกลงกันว่า ภายในปี 2020 แต่ต่อมาก็ร่นมาเป็นปี 2015
ประชาคมอาเซียนมี
3 ประชาคมย่อย
ประชาคมย่อยที่ 1 คือ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ซึ่งจะให้ความสำคัญในเรื่องความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง
การพัฒนาทางการเมือง ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน การสร้างกลไก ป้องกัน
และแก้ไขความขัดแย้ง หัวใจของประชาคมการเมืองและความมั่นคง คือ
กลไกการแก้ไขความขัดแย้ง แต่เราอาจจะคิดอยู่ในใจว่า
อาเซียนมีกลไกแก้ไขความขัดแย้งที่มีประสิทธิภาพแล้วหรือยัง ดูจากกรณีไทย - กัมพูชา
จะเห็นได้ว่า อาเซียนยังไม่มีกลไกแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่มีประสิทธิภาพ
ประชาคมย่อยที่ 2 คือ ประชาคมเศรษฐกิจ
ประชาคมเศรษฐกิจให้ความสำคัญในเรื่องการทำให้เป็นตลาดเดียว และฐานการผลิตเดียว การเปิดเสรีด้านการค้าสินค้า
เปิดเสรีด้านการค้าภาคบริการ เปิดเสรีการลงทุน
การเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เสรีมากขึ้น และการเปิดเสรีการเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมือ
จะเห็นได้ว่า การเปิดเสรีการเคลื่อนย้ายเงินทุนไม่ใช้คำว่า free แต่ใช้คำว่า freer หมายความว่า
ยังเปิดเสรีการเคลื่อนย้ายเงินทุนได้ไม่ 100% ส่วนที่สองที่เรายังเปิดเสรีไม่ได้
คือ เรื่องแรงงาน จึงจำกัดอยู่เฉพาะการเปิดเสรีการเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมือเท่านั้น
แรงงานไร้ฝีมือยังเปิดไม่ได้
ส่วนประชาคมย่อยที่ 3 ของประชาคมอาเซียน คือ ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม
ซึ่งเกี่ยวกับความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรมของอาเซียน ในอดีต ไทยอาจจะต้องทำคนเดียวในเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
อาจจะต้องทำคนเดียวในเรื่องการให้สวัสดิการสังคม แต่ต่อไป ในเมื่อเราจะเป็นประชาคม
10 ประเทศจะต้องมาร่วมมือกันในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ร่วมมือในการให้สวัสดิการสังคม ร่วมมือกันในเรื่องของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
และร่วมมือกันในการสร้างอัตลักษณ์ร่วมของอาเซียน อัตลักษณ์ร่วมมีความสำคัญมาก
เพราะถ้าจะเป็นประชาคมก็จะต้องมีอัตลักษณ์ร่วมกัน
ต้องมีความรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน ทำอย่างไร ประชากร 600 ล้านคน จะรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน
ซึ่งจะต้องสร้างอัตลักษณ์ขึ้นมา หรืออาจจะต้องค้นหาอัตลักษณ์ร่วม ที่เราอาจจะมีอยู่แล้ว
(โปรดติดตามอ่านต่อตอนที่ 2 ในคอลัมน์กระบวนทรรศน์
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันพฤหัสบดี ที่ 6 กันยายน 2555 )