คอลัมน์กระบวนทรรศน์ตอนที่แล้ว ผมได้วิเคราะห์ผลกระทบของวิกฤตยูเครนต่อระบบการเมืองโลกไปแล้ว
สำหรับคอลัมน์ในวันนี้ จะมาวิเคราะห์ต่อ ถึงผลกระทบของวิกฤตต่อเอเชีย ดังนี้
ภาพรวม
หลังจากที่รัสเซียได้เข้ายึดและผนวกคาบสมุทร
Crimea เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียไปแล้ว
จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อโลกคือ การหมุนโลกให้กลับไปสู่ศตวรรษที่ 19 และ 20 ที่มีลักษณะของการต่อสู้แข่งขันกันทางทหารระหว่างมหาอำนาจ
การถ่วงดุลอำนาจ และการกำหนดเขตอิทธิพลของมหาอำนาจ
ผลกระทบดังกล่าวได้กระทบต่อระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียด้วย
โดยอาจทำให้เอเชียกลับไปสู่ยุคสมัยของความขัดแย้งทางทหาร การถ่วงดุลอำนาจทางทหาร
การบุกยึดครองและผนวกดินแดน รวมทั้งการสร้างเขตอิทธิพลของมหาอำนาจ
รัสเซีย
สำหรับคำถามสำคัญคำถามแรกต่อเอเชียคือ
รัสเซียจะมีท่าทีอย่างไรต่อภูมิภาคโดยเฉพาะต่อประเทศเพื่อนบ้านรัสเซียที่อยู่ในเอเชีย อย่างไรก็ตาม ดูแนวโน้มแล้ว รัสเซียน่าจะให้ความสำคัญกับเขตอิทธิพลเดิมของตนในยุโรปตะวันออก
คาบสมุทร Balkan เทือกเขา Caucasus
และเอเชียกลางมากกว่า ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ว่า รัสเซียจะใช้กำลังทางทหารผนวกดินแดนใดในเอเชียตะวันออก
อย่างไรก็ตาม
รัสเซียมีกรณีพิพาทเรื่องพรมแดนกับญี่ปุ่นโดยเฉพาะหมู่เกาะคูริว
ทางตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด ที่รัสเซียยึดไปจากญี่ปุ่น
ตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และขณะนี้ ก็ยังไม่คืนให้ญี่ปุ่น จึงเป็นปัญหาเรื้อรังมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในสมัยรัฐบาล Shinzo Abe ญี่ปุ่นได้พยายามกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย แต่หลังจากวิกฤตยูเครน
ญี่ปุ่นก็ถูกสหรัฐบีบให้มีท่าทีต่อต้านรัสเซีย โดยญี่ปุ่นไม่รับรองการผนวกคาบสมุทร
Crimea ของรัสเซีย และได้ยุติการเจรจาข้อตกลงการลงทุนกับรัสเซีย
กรณีพิพากหมู่เกาะคูริวก็มีแนวโน้มว่าจะปะทุขึ้นมาอีก
รัสเซียเองก็มีปฏิสัมพันธ์กับอาเซียนทั้งในกรอบอาเซียน
+ 1
และรัสเซียก็เป็นสมาชิกในหลายกรอบของอาเซียน ทั้ง ASEAN Regional Forum
(ARF) East Asia Summit (EAS) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหม
อาเซียน + 8 จึงไม่มีความแน่นนอนว่า ในอนาคต
ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับรัสเซียจะเปลี่ยนไปอย่างไร
นอกจากนี้
มีแนวโน้มว่า ประเทศในเอเชียตะวันออก จะพยายามลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย
เหมือนกันที่ประเทศในยุโรป ก็กำลังมีแนวโน้มที่จะลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเช่นกัน
สหรัฐ
ผลกระทบอีกประการหนึ่งของวิกฤตยูเครนต่อเอเชียคือ
บทบาทของสหรัฐและตะวันตกต่อเอเชียอาจเปลี่ยนไปโดยมีความเป็นไปได้ว่า ประเทศตะวันตกและสหรัฐจะหันไปให้ความสำคัญต่อยุโรปตะวันออกและจะลดความสนใจต่อภูมิภาคเอเชียลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทของสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ สหรัฐได้เน้นนโยบาย rebalance ต่อเอเชีย Obama ก็เคยประกาศว่า จะให้ความสำคัญต่อเอเชียมากที่สุด
แต่หลังวิกฤตยูเครน ท่าทีของสหรัฐอาจเปลี่ยนไป แม้ว่าล่าสุด Obama จะเดินทางมาเยือนเอเชีย 4 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
แล้วก็ตาม แต่การเยือนครั้งนี้ ก็ไม่สามารถทำให้ประเทศในเอเชียลดความกังวลใจลงไป
เพราะหลายประเทศในภูมิภาคต้องการให้สหรัฐเข้ามาเล่นบทถ่วงดุลจีน
จีน
ดังนั้นประเทศที่ถูกจับตามองมากที่สุด
ที่อาจจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหลังวิกฤตยูเครนคือ จีน ประเด็นสำคัญที่มีการวิเคราะห์กับอยู่คือ
การผนวก Crimea ของรัสเซียจะเป็นตัวอย่างให้จีนทำตามหรือไม่ เพราะจีนก็มีปัญหาความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ
บทเรียนสำคัญของรัสเซียคือ รัสเซียสามารถใช้กำลังทหารผนวก Crimea มาเป็นของรัสเซียได้ จีนก็อาจจะคิดว่า จีนจะเลียนแบบรัสเซียโดยใช้กำลังทหารเข้าผนวกดินแดนต่างๆ
เป็นของตน โดยในกรณีของรัสเซีย ตะวันตกก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ยิ่งจะทำให้จีนได้ใจ
มีนโยบายทางทหารที่แข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น
นี่ก็อาจจะเป็นการอธิบายว่า
ทำไมจีนถึงมีท่าทีสนับสนุนรัสเซียในการผนวก Crimea จีนได้งดออกเสียงในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
หรือ UNSC ที่ออกข้อมติประณามรัสเซีย หลังจากนั้น ปูตินก็ได้กล่าวแสดงความชื่นชมต่อท่าทีของจีน
และพยายามเน้นจุดยืนร่วมกันของรัสเซียและจีนคือ การต่อต้านตะวันตกและสหรัฐ ดังนั้น
ผลกระทบสำคัญในอนาคตคือ การเป็นพันธมิตรระหว่างรัสเซียกับจีน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้
รัฐบาลสหรัฐได้ถึงกับออกมาป้องปรามจีนว่า อย่าใช้ตัวอย่างจากรัสเซีย ในกรณีไต้หวัน
กรณีพิพาทเกาะเซนกากุกับญี่ปุ่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีความขัดแย้งในทะเลจีนใต้
ทะเลจีนใต้
ดังนั้น
จุดอันตรายที่สุดที่อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตยูเครนคือ ปัญหาความขัดแย้งในทะเลจีนใต้
โดยฝ่ายสายเหยี่ยวของจีนคงอาจได้ข้อสรุปว่า การผนวก Crimea ของรัสเซียเป็นตัวอย่างที่จีนจะใช้เป็นแบบอย่าง ในการตอกย้ำความเป็นเจ้าของของจีนในทะเลจีนใต้
ก่อนหน้านี้
จีนก็มีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อปัญหาทะเลจีนใต้คือ มีการสร้างเสริมกำลังทางทหารมีการทำแผนที่ใหม่
ระบุชัดว่า ทะเลจีนใต้เป็นส่วนหนึ่งของจีน
สำหรับท่าทีของอาเซียนที่ผ่านมาคือ
การกดดันให้จีนเจรจาจัดทำ Code of Conduct และพยายามที่จะเน้นการแก้ไขปัญหาด้วยวิถีทางการทูต
มากกว่าการใช้กำลัง แต่จากกรณีการผนวก Crimea ของรัสเซีย ได้ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่อาเซียนต้องการคือ
กำลังทหารสำคัญกว่าการทูต และกฎหมาย กติการะหว่างประเทศไม่มีความสำคัญ จึงมีคำถามใหญ่ว่า
Code of Conduct ที่อาเซียนต้องการ จะสามารถป้องปรามไม่ให้จีนใช้กำลังเข้าผนวกทะเลจีนใต้ได้หรือไม่
กล่าวโดยสรุป
วิกฤตยูเครน นอกจากจะส่งกระทบต่อระบบการเมืองโลกแล้ว ยังกำลังจะส่งผลกระทบต่อการเมืองระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียด้วย
ซึ่งเราคงต้องจับตาดูกันต่อว่า แนวโน้มผลกระทบต่างๆที่ผมได้วิเคราะห์มา จะกลายเป็นจริงได้หรือไม่
ซึ่งถ้าหากเป็นจริง ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค