การประชุมสุดยอด UN เรื่อง Millennium Development Goals (MDG)
ตีพิมพ์ใน สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ปีที่ 58 ฉบับที่ 3 วันศุกร์ที่ 8 - วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม 2553
ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมสุดยอดของ UN ในเรื่อง Millennium Development Goals (MDG) ซึ่งอาจจะแปลว่า เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ คอลัมน์โลกทรรศน์ในวันนี้ จะสรุปวิเคราะห์ผลการประชุมดังกล่าว ดังนี้
ภูมิหลัง
เมื่อปี 2000 ได้มีการจัดประชุมสุดยอดที่เรียกว่า Millennium Summit ขึ้นที่ UN ในการประชุมครั้งนั้น ได้มีการจัดทำ Millennium Development Goals หรือ MDG ซึ่งเป็นการตั้งเป้าหมาย 8 เป้าหมาย เน้นเรื่องการช่วยเหลือประเทศยากจน โดยตั้งเป้าไว้ที่ ภายในปี 2015
สำหรับการประชุมสุดยอด MDG เมื่อปลายเดือนกันยายนนี้ เป็นการมาประเมินความคืบหน้าของเป้าหมายต่างๆ และหลังจากการประชุม ได้มีการจัดทำเอกสารผลการประชุม กำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย MDG โดยได้มีการตอกย้ำว่า ถึงแม้จะมีอุปสรรค โดยเฉพาะจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่ในที่สุด ก็น่าจะบรรลุเป้าหมาย MDG ได้ในปี 2015
ผมจะสรุปประเด็นต่างๆ โดยไล่ไปตามเป้าหมายแต่ละเป้าหมาย ดังนี้
เป้าหมายที่ 1 : การแก้ปัญหาความยากจนและความอดอยาก
เป้าหมาย MDG ได้ตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 2015 จะลดจำนวนคนจนลงให้ได้ครึ่งหนึ่ง จากจำนวนของปี 1990 และจะลดจำนวนคนอดอยากหิวโหยให้ได้ครึ่งหนึ่ง ภายในปี 2015
เอกสารผลการประชุมชี้ให้เห็นว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาความยากจน ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี 2008 – 2009 รวมทั้งวิกฤตการณ์ด้านอาหารและพลังงานด้วย โดยภาพรวม ประเทศกำลังพัฒนาน่าจะบรรลุเป้าหมาย MDG ได้ โดยในปี 2005 มีจำนวนคนยากจนที่มีรายได้ไม่ถึง 1 เหรียญต่อวัน อยู่ประมาณ 1,400 ล้านคน แต่ในปี 2015 น่าจะลดลงเหลือประมาณ 920 ล้านคน อย่างไรก็ตาม จำนวนคนที่อดอยากหิวโหยกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ในการประชุมสุดยอด MDG ครั้งนี้ ได้มีมาตรการ 2 เรื่องที่เป็นรูปธรรม เรื่องแรกได้แก่ การที่ธนาคารโลก จะเพิ่มเงินให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรแก่ประเทศยากจน โดยจะมีวงเงินประมาณ 6,000 – 8,000 ล้านเหรียญต่อปี ในช่วง 3 ปี ข้างหน้า นอกจากนี้ เกาหลีใต้ ประกาศจะให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรแก่ประเทศยากจนเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านเหรียญ
เป้าหมายที่ 2 : การศึกษาขั้นประถม
เป้าหมาย MDG ได้ตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 2015 จะทำให้เด็กทุกคนในโลกมีการศึกษาอย่างน้อยขั้นประถม
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ โดยเด็กในประเทศที่ยากจนที่สุดโดยเฉพาะในแอฟริกา ได้รับการศึกษาขั้นประถมมากขึ้น ในปี 2000 มีเด็กที่มีการศึกษาขั้นประถมเพียง 58 % แต่ในปี 2007 เพิ่มขึ้นเป็น 74% อย่างไรก็ตาม คงเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะบรรลุเป้าหมายของ MDG ในปี 2015
ในการประชุมสุดยอด MDG ครั้งนี้ ธนาคารโลกได้ประกาศเงินให้ความช่วยเหลือในด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้นอีก 750 ล้านเหรียญ โดยเฉพาะสำหรับประเทศในแอฟริกา นอกจากนั้น บริษัท Dell ได้ประกาศจะให้เงินช่วยเหลือ 10 ล้านเหรียญ ในการพัฒนาเทคโนโลยีการศึกษา
เป้าหมายที่ 3 : ความเท่าเทียมกันทางเพศ
เป้าหมาย MDG ได้ตั้งเป้าว่า จะส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศและส่งเสริมบทบาทของสตรี และขจัดความแตกต่างในการศึกษาระหว่างเพศภายในปี 2015
ในการประชุมสุดยอก MDG ครั้งนี้ ได้มีบริษัทเอกชนหลายบริษัทประกาศให้เงินช่วยเหลือในด้านนี้ โดย บริษัท Ericson ได้ริเริ่มโครงการ Connect to Learn เพื่อที่จะทำให้เด็กผู้หญิงได้เข้าถึงการศึกษาขั้นมัธยมเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัท UPS ได้ประกาศให้เงินช่วยเหลือ 2 ล้านเหรียญ และ Exxon Mobil 1 ล้านเหรียญ
เป้าหมายที่ 4 และ 5 : สุขภาพของมารดาและเด็ก
เป้าหมาย MDG ได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะลดจำนวนการเสียชีวิตของเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ให้ได้ 2 ใน 3 ภายในปี 2015 และลดจำนวนมารดาที่เสียชีวิตจากการคลอดบุตรลดลง 3 ใน 4 ภายในปี 2015
ในการประชุมสุดยอด MDG ครั้งนี้ ไฮไลท์ของการประชุมคือ การประกาศยุทธศาสตร์สำหรับสุขภาพอนามัยของผู้หญิงและเด็ก ซึ่งจะมีวงเงินถึง 40,000 ล้านเหรียญ ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าว จะสามารถช่วยชีวิตผู้หญิงและเด็กได้ถึง 16 ล้านคน และจะป้องกันไม่ให้เด็กเป็นโรคปอดบวมได้ถึง 120 ล้านคน รวมทั้งจะช่วยเด็กที่ขาดอาหารได้อีก 88 ล้านคน
นอกจากนี้ แคนาดายังประกาศเดินหน้าที่จะระดมทุน 10,000 ล้านเหรียญจากกลุ่มประเทศ G8 ซึ่งจะเป็นไปตามความคิดริเริ่ม Muskoka ซึ่งเป็นผลจากการประชุมสุดยอด G8 ที่แคนาดา
เป้าหมายที่ 6 : การต่อสู้กับโรคระบาด
MDG ได้ตั้งเป้าหมายว่า จะลดจำนวนคนติดโรคเอดส์ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2015 รวมทั้งลดจำนวนคนป่วยเป็นมาลาเรียและโรคติดต่ออื่นๆ ครึ่งหนึ่งภายในปี 2015
สำหรับความคืบหน้าในเรื่องนี้ ในช่วงปี 2003 ถึง 2008 มีผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านโรคเอดส์เพิ่มขึ้นจาก 4 แสน เป็น 4 ล้านคน คิดเป็น 42% ของผู้ป่วย 8.8 ล้านคนที่ต้องการยาต้านโรคเอดส์ สำหรับในแอฟริกาผู้ป่วยเป็นโรคเอดส์ก็มีจำนวนลดลง โดยในปี 2001 มีประมาณ 2.3 ล้านคน ในปี 2008 ลดลงเหลือ 1.9 ล้านคน และคนที่ป่วยด้วยโรคมาลาเรีย และผู้ที่เสียชีวิตจากโรคหัดลดลง 90% ในช่วงปี 2000 – 2008
สำหรับผลการประชุม MDG ในครั้งนี้ ได้มีมาตรการเพิ่มเติมในเรื่องนี้ โดยฝรั่งเศสประกาศลงขัน 1,400 ล้านเหรียญ ใน Global Fund ส่วนอังกฤษประกาศจะเพิ่มเงินช่วยเหลือ 3 เท่า เพิ่มจาก 150 ล้านปอนด์ต่อปี เป็น 500 ล้านปอนด์ภายในปี 2014 และธนาคารโลกก็ประกาศเพิ่มเงินอีก 600 ล้านเหรียญ
เป้าหมายที่ 7 : สิ่งแวดล้อม
MDG ได้ตั้งเป้าในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน และลดจำนวนคนที่ไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2015
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเข้าถึงน้ำสะอาดยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของโลก และเรื่องปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ถึงแม้จะมีปริมาณสูงแต่มีแนวโน้มลดลง
สำหรับในการประชุม MDG ครั้งนี้ มีบริษัทเอกชนประกาศให้ความช่วยเหลือในด้านนี้ อาทิ WaterHealth International ประกาศจะสร้างโรงงานผลิตน้ำสะอาด 75 แห่งในบังคลาเทศและอินเดีย ซึ่งจะทำให้คนกว่า 175,000 คนเข้าถึงน้ำสะอาด และบริษัท Pepsi ตั้งเป้าจะทำให้คน 3 ล้านคนเข้าถึงน้ำสะอาดภายในปี 2015
เป้าหมายที่ 8 : หุ้นส่วนการพัฒนา
MDG ได้ตั้งเป้าว่า ประเทศร่ำรวยจะให้เงินช่วยเหลือประเทศยากจน โดยจัดสรรเงิน 0.7% ของ GDP
อย่างไรก็ตาม ประเทศร่ำรวยไม่ได้จัดสรรเงินในวงเงินดังกล่าว แต่สำหรับการประชุมสุดยอด MDG ในครั้งนี้ EU ได้เสนอจะให้เงินช่วยเหลือ 1,000 ล้านยูโร
อุปสรรค
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น ผมประเมินโดยภาพรวมว่า การบรรลุเป้าหมาย MDG ในปี 2015 ยังคงเป็นเรื่องยากมาก ทั้งนี้อุปสรรคสำคัญคือ การที่ประเทศร่ำรวยไม่ได้มีความจริงใจที่จะช่วยเหลือประเทศยากจน โดยทุกประเทศยังคงติดอยู่กับกับดักของตรรกะสัจนิยม ที่มองว่า การแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ลึกๆ แล้วประเทศร่ำรวยไม่คิดที่จะช่วยเหลือประเทศยากจนอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคอื่นๆ ที่ทำให้เป้าหมาย MDG คงจะบรรลุได้ยาก ได้แก่ ปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งได้ส่งผลทำให้ประเทศยากจนประสบความแห้งแล้งอย่างหนัก โดยเฉพาะในแอฟริกา รวมทั้งวิกฤติเศรษฐกิจโลก และวิกฤตการณ์อาหารโลก ก็ได้ทำให้เงินช่วยเหลือจากประเทศร่ำรวยลดน้อยถอยลงไปด้วย
สุดท้าย ผมมองว่า มาตรการส่วนใหญ่ของการประชุมสุดยอด MDG ในครั้งนี้ ก็เป็นเงินช่วยเหลือเพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่คงจะไม่เพียงพอที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย MDG ได้ ในปี 2015
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น