Obama
เยือนไทย
ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์
คอลัมน์กระบวนทรรศน์ ฉบับวันที่ 15
พฤศจิกายน 2555
ในช่วงวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ ประธานาธิบดี Obama
จะเดินทางมาเยือนไทย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของ Obama ในการมาไทย คอลัมน์กระบวนทรรศน์ในวันนี้ จะตอบคำถามสำคัญว่า ทำไม Obama
ต้องมาเยือนไทย และไทยทำไมถึงอยากให้ Obama มาไทย
และจากการที่ไทยได้ส่งสัญญาณว่า จะเข้าร่วม FTA ตัวใหม่ของสหรัฐฯ
ที่มีชื่อว่า TPP นั้น การตัดสินใจดังกล่าว จะส่งผลกระทบในเชิงบวกและเชิงลบต่อไทยอย่างไร
ยุทธศาสตร์ของ
Obama
ต่อภูมิภาค
ยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐฯและของ Obama ต่อภูมิภาคเอเชียคือ
ยุทธศาสตร์การครองความเป็นเจ้า แต่ในขณะนี้ จีนกลายเป็นคู่แข่งของสหรัฐฯในภูมิภาค
เพราะฉะนั้น ยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐฯอีกประการคือ การสกัดกั้นการขยายอิทธิพลของจีน
โดยยุทธศาสตร์การครองความเป็นเจ้า สหรัฐฯใช้ยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า hub and
spoke โดยสหรัฐฯเป็น hub เป็นดุมล้อ เป็นศูนย์กลาง
และประเทศพันธมิตรต่างๆเป็น spoke หรือเป็นซี่ล้อ
สำหรับยุทธศาสตร์การปิดล้อมจีนนั้น
สหรัฐฯจำเป็นต้องตีสนิทกับอาเซียนเพื่อดึงอาเซียนให้ออกมาจากอิทธิพลของจีน
โดยในสมัย Obama สหรัฐฯได้มีการประชุมสุดยอดกับอาเซียนมาแล้ว
3 ครั้ง เข้าเป็นสมาชิก Eas Asia Summit (EAS) และเข้ามายุ่งในเรื่องความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องการให้จีนกับอาเซียนทะเลาะกัน
และทำให้อาเซียนแตกกันด้วย
สำหรับยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ
Obama
ก็กำลังผลักดัน FTA ตัวใหม่ คือ TPP หรือ Trans-Pacific Partnership ซึ่งอเมริกาจะเป็นศูนย์กลางของ
TPP โดยได้ดึงเอา 4 ประเทศอาเซียนเข้าไปใน TPP แล้ว คือ เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และสิงคโปร์
และไทยกำลังจะเป็นประเทศอาเซียนประเทศที่ 5 ที่จะเข้าร่วม เพราะฉะนั้น อาเซียนก็แตกกันอีกในเรื่อง
TPP โดยมี 5 ประเทศอาเซียนเข้าร่วม แต่อีก 5
ประเทศยังไม่เข้าร่วม
ยุทธศาสตร์ของ
Obama
ต่อไทย
ที่กล่าวข้างต้นคือ
ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯต่ออาเซียน สำหรับในแง่ยุทธศาสตร์ต่อไทยนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ต่ออาเซียน
ในปัจจุบัน แม้ว่าความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯจะดูราบรื่นดี แต่หากดูแนวโน้ม จะเห็นได้ว่า ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐไม่กระชับแน่นแฟ้นเหมือนในอดีต
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับในสมัยสงครามเย็น ที่ไทยเป็น 1 ใน 5 พันธมิตรหลักของสหรัฐฯในเอเชีย
โดยความขัดแย้งทางการเมืองของไทย รวมทั้งศักยภาพทางเศรษฐกิจและทางการทูตของไทยที่ตกต่ำลงอย่างมาก
ทำให้ไทยสูญเสียบทบาทการเป็นผู้นำอาเซียน
สูญเสียบทบาทการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
และสูญเสียสถานะการเป็นพันธมิตรชั้นหนึ่งของสหรัฐฯ อเมริกาจึงเริ่มมองไทยว่า มีค่าน้อยลงเรื่อยๆ
และได้เริ่มแสวงหาพันธมิตรใหม่แทนที่ไทย โดยเฉพาะ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์
และพม่า
อย่างไรก็ตาม
แม้ว่าความสำคัญของไทยต่อสหรัฐฯจะลดลง แต่ในสายตาของสหรัฐฯ ไทยยังคงมีความสำคัญอยู่บ้าง
เพราะเป็นประเทศที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯในเอเชีย ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทยทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน
ไทยเป็นหมากตัวหนึ่งของยุทธศาสตร์การปิดล้อมจีน โดยสหรัฐฯจะไม่ยอมให้ไทยเป็นบริวารของจีน
นอกจากนี้ ไทยยังมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจาก อินโดนีเซีย
และด้วยสาเหตุดังกล่าวข้างตันนี้เอง
ทำให้ Obama
ตัดสินใจมาเยือนไทยในครั้งนี้
ยุทธศาสตร์ไทยต่อสหรัฐฯ
แต่สำหรับไทย
เหตุผลสำคัญที่ไทยอยากให้ Obama มาเยือนไทยคือ ไทยยังคงต้องให้ความสำคัญต่อสหรัฐฯในยุทธศาสตร์การทูตของไทยต่อไป
ทั้งนี้เพราะ สหรัฐฯยังคงเป็นอภิมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก ผลประโยชน์ในด้านต่างๆที่ไทยจะได้จากสหรัฐฯมีอยู่มาก
ทั้งผลประโยชน์ด้านการเมือง การทหาร สหรัฐฯยังคงคุมเกมการเมืองโลก และการทหารโลก
สหรัฐยังคงเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย การลงทุนจากสหรัฐฯ มีความสำคัญมาก
เงินดอลลาร์ยังเป็นเงินสกุลหลักของโลก สหรัฐฯยังคงคุมเกมเศรษฐกิจโลก การค้าโลก
และการเงินโลกอยู่
TPP
และเรื่องสำคัญที่จะเป็นไฮไลต์ของการเยือนไทยของ Obama คือ การที่ไทยจะประกาศเข้าร่วม TPP ซึ่งผมมองว่า คงเป็นยุทธศาสตร์ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ต้องการเอาใจ
Obama เหมือนการมอบของขวัญให้กับ Obama ในการเยือนไทย แต่การตัดสินใจเข้าร่วม TPP ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก
เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทั้งนี้เพราะมีข้อดี ข้อเสีย ของการเข้าร่วม ผมจึงขอวิเคราะห์ประเด็นนี้อย่างละเอียดดังนี้
· ภูมิหลัง
รัฐบาล
Obama
ได้ผลักดันการจัดตั้ง FTA ตัวใหม่
ที่มีชื่อว่า Trans-Pacific Partnership หรือ TPP โดยบอกว่า TPP จะเป็น FTA
ที่มีมาตรฐานสูง จะเป็น FTA ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด
โดยมีแผนที่จะขยายจำนวนสมาชิกจาก 9 ประเทศ ให้ขยายครอบคลุมประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ซึ่งในที่สุด TPP จะกลายเป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่ผ่านมา สหรัฐฯก็ล็อบบี้ประเทศต่างๆอย่างหนักให้เข้าร่วม TPP รวมทั้งไทยด้วย
สำหรับปัจจัยที่ทำให้สหรัฐฯผลักดัน
TPP คือ เพื่อเป็นตัวกันการจัดตั้งประชาคมเอเชียตะวันอกโดยเฉพาะในกรอบอาเซียน+3
โดยหากอาเซียน+3 พัฒนาไปเป็นประชาคมเอเชียตะวันออก เศรษฐกิจโลกจะแบ่งเป็น
3 ขั้ว คือ ขั้วสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ดังนั้น การรวมกลุ่มของประเทศในเอเชียตะวันออก
จึงจะท้าทายอำนาจและการครองความเป็นเจ้าของสหรัฐฯเป็นอย่างมาก สหรัฐจึงต้องป้องกันไม่ให้มีการรวมกลุ่มของประเทศในภูมิภาคโดยไม่มีสหรัฐฯ
ด้วยการเสนอ TPP ขึ้นมาแทน
นอกจากนี้สหรัฐจะใช้ TPP เป็นยุทธศาสตร์การปิดล้อมจีนทางเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย
· ผลกระทบต่อไทย
สำหรับคำถามสำคัญในขณะนี้คือ
การที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประกาศจะเข้าร่วม TPP
นั้น จะส่งผลดี ผลเสียต่อไทยอย่างไร
ในแง่ผลดีนั้น
ผลประโยชน์ที่ไทยจะได้คือ เหมือนกับไทยกำลังจะมี FTA กับสหรัฐฯ แต่ประเด็นคือเราเคยเจรจา FTA กับสหรัฐฯมาแล้วในสมัยรัฐบาลทักษิณ แม้ว่าเราอาจจะได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้าบางตัวไปสหรัฐมากขึ้น
แต่ก็มีหลายสาขาที่เราจะเสียเปรียบ โดยเฉพาะการค้าภาคบริการ ทรัพย์สินทางปัญญา
การเชื่อมโยงการค้ากับมาตรฐานแรงงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่า บวก ลบ
แล้ว จะคุ้มกันหรือไม่
สำหรับผลดีอีกประการคือ
ผลประโยชน์ทางด้านยุทธศาสตร์ คือ หากไทยเข้าร่วม TPP จะทำให้สหรัฐฯพอใจ การเยือนไทยของ Obama จะมีความหมาย Obama จะพอใจ ไทยจะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯต่อไป
อย่างไรก็ตาม
ผลเสียจากการเข้าร่วม TPP
ต่อไทย ก็มีหลายประการ ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว TPP จะเป็น FTA
ที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งจะกระทบต่อไทยในหลายสาขา โดยเฉพาะภาคบริการ
มาตรฐานแรงงานและสิ่งแวดล้อม และทรัพย์สินทางปัญญา
นอกจากนี้ TPP จะกระทบต่อ FTA ที่ไทยมีอยู่แล้ว ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะ FTA ในกรอบอาเซียน+1 รวมทั้งจะกระทบต่อแผนการจัดตั้ง FTA ในกรอบอาเซียน +3 และ อาเซียน+6 ด้วย
TPP
เป็นยุทธศาสตร์การปิดล้อมจีนทางเศรษฐกิจ
จีนไม่ได้รับการเชิญจากสหรัฐฯให้เข้าร่วม TPP การเข้าร่วม TPP
ของไทย เท่ากับเป็นการเอียงไปเป็นพวกสหรัฐฯ
ซึ่งก็คงจะทำให้จีนไม่พอใจ
นอกจากนั้น TPP
จะลดบทบาทของอาเซียนลง และเท่ากับเป็นการแบ่งแยก
ทำให้อาเซียนแตกโดยขณะนี้ มี 5 ประเทศอาเซียนเข้าร่วม แต่อีก 5 ประเทศก็ไม่เข้าร่วม
และแนวโน้มการจัดตั้งประชาคมเอเชียตะวันออกในกรอบเอเชีย +3 ก็คงจะไม่สำเร็จ
กล่าวโดยสรุป สหรัฐฯคงจะได้ประโยชน์มากมายมหาศาลจากการจัดตั้ง TPP แต่สำหรับไทย อาจจะไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
แต่ผลเสียกลับมีมากมายหลายประการ