คอลัมน์กระบวนทรรศน์ตอนนี้ เป็นตอนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ผมจึงอยากจะวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์โลกในปีหน้า โดยจะวิเคราะห์ว่า จะมีเรื่องสำคัญๆ
อะไรบ้าง ดังนี้
การก่อการร้าย
ปัญหาการก่อการร้ายสากล
ยังจะเป็นปัญหาสำคัญของโลกในปีหน้า ในภูมิภาคต่างๆ น่าจะยังคงเปราะบางกับปัญหาการก่อการร้าย
ทวีปที่น่าจะเป็นศูนย์กลางของการก่อการร้ายในปีหน้าคือ
ทวีปอเมริกาเหนือ
ประเทศที่น่าจะเป็นเป้าของการก่อการร้ายคือ สหรัฐ ขณะนี้ มีบทวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยและ
Think Tank ในสหรัฐหลายแหล่ง คาดการณ์ว่า ในปีหน้า สหรัฐอาจถูกโจมตีครั้งใหญ่
เหมือนกับเหตุการณ์ 11 กันยาฯ ปี 2001 โดยตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา แผ่นดินใหญ่สหรัฐยังไม่ถูกโจมตีครั้งใหญ่อีกเลย
กลุ่มก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่ม al-Qaeda จ้องวางแผนที่จะโจมตีสหรัฐมาตลอด ในปีหน้า คงต้องจับตาดูอย่างระทึกว่า จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนเหตุการณ์ 11 กันยาฯ
ตามที่ได้มีการคาดการณ์ไว้หรือไม่
อีกเรื่องหนึ่งที่สหรัฐอาจถูกโจมตี
คือ การโจมตีในอินเตอร์เน็ต ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า cyber attack โดยมีความเป็นไปได้ไม่น้อยทีเดียว ที่กลุ่มก่อการร้าย รวมทั้งประเทศที่ไม่ชอบสหรัฐ
อาทิ จีน รัสเซีย อาจโจมตีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐเป็นอัมพาต
อาทิ โครงสร้างสาธารณูปโภค เครือข่ายตลาดการเงิน เป็นต้น
สำหรับทวีปเอเชีย เป้าของการก่อการร้าย จะอยู่ที่อัฟกานิสถานและปากีสถาน
ในปีหน้า มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ที่สถานการณ์ในอัฟกานิสถาน
จะเพิ่มความรุนแรงและไร้เสถียรภาพ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สหรัฐจะถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน
เปิดโอกาสให้นักรบตาลีบัน ฮึกเหิมและเพิ่มการโจมตีกองกำลังของฝ่ายรัฐบาลอัฟกานิสถานและฝ่ายพันธมิตรนาโต้
นอกจากนี้ ในปากีสถานเอง ก็มีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน ที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการรุกคืบของนักรบฝ่ายตาลีบัน
และแน่นอนว่า ตะวันออกกลางจะยังคงเป็นสมรภูมิสำคัญของการก่อการร้าย
โดยมีหลายประเทศที่ล่อแหลมว่าปัญหาการก่อการร้ายจะเพิ่มขึ้น อาทิ ในประเทศเยเมน
กลุ่มก่อการร้าย al-Qaeda in the Arabian Peninsula จะแข็งแกร่งมากขึ้น
ซึ่งเป็นผลมาจากการไร้เสถียรภาพทางการเมือง และความล้มเหลวของมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐ
นอกจากนี้ อีกประเทศที่น่าเป็นห่วงคือลิเบีย ซึ่งมีแนวโน้มว่า
กลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงจะเพิ่มบทบาทมากขึ้น
สำหรับในทวีปแอฟริกา
ก็มีหลายประเทศที่ล่อแหลมต่อการก่อการร้าย โดยเฉพาะโซมาเลีย กลุ่มก่อการร้าย al-Shabab
ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ
al-Qaeda มีแนวโน้มจะเพิ่มบทบาทในโซมาเลียและในประเทศเพื่อนบ้านด้วย
และอีกประเทศที่ต้องจับตามองคือ ประเทศมาลี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้ายเกือบยึดอำนาจรัฐได้ ถึงขั้นที่ฝรั่งเศสต้องส่งกองกำลังทางทหารแทรกแซงเข้าไปในมาลีเพื่อยุติการยึดประเทศจากกลุ่มหัวรุนแรง
ตะวันออกกลาง
ภูมิภาคที่น่าจะมีปัญหามากที่สุดในปีหน้าคือ
ตะวันออกกลาง ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ในปีหน้า จะมีหลายเรื่องหลายประเทศเป็นปัญหาสำคัญของโลก
ดังนี้
สงครามกลางเมืองในซีเรีย
จะยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของโลก แม้ว่าในปีนี้ จะมีความพยายามจากหลายฝ่าย ที่จะยุติสงคราม
แต่ก็ล้มเหลว ซ้ำร้ายไปกว่านั้น รัฐบาลซีเรียกลับใช้อาวุธเคมีสังหารฝ่ายต่อต้าน
ซึ่งนับเป็นอัตรายอย่างยิ่ง ปีหน้าสงครามซีเรียยังไม่มีทีท่าว่า จะจบลง แต่มีแนวโน้มว่า
จะลุกลามขยายความรุนแรงมากขึ้นไปอีก
จนอาจถึงขึ้นมหาอำนาจต้องส่งทหารเข้าแทรกแซงเพื่อยุติสงคราม
อีกประเทศหนึ่งในตะวันออกกลาง
ที่มีปัญหามานานแล้วคือ อิหร่าน ปัญหาสำคัญที่ยืดเยื้อมาหลายปี คือ การที่อิหร่านถูกกล่าวหาว่า
แอบพัฒนาอาวุธนิวเครียร์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สหประชาชาติได้ใช้มาตรการคว่ำบาตร
รวมทั้งสหรัฐและอิสราเอลได้ขู่ว่าจะโจมตีอิหร่านหลายครั้ง จนในปีนี้ อิหร่านก็ยอมลดความแข็งกร้าวลง
โดยยอมกลับมาเจรจากับฝ่ายตะวันตก ทั้งนี้เพื่อลดแรงกดดันจากนานาชาติ
แต่ก็ไม่มีหลักประกันว่า การเจรจาจะประสบความสำเร็จหรือไม่
ซึ่งถ้าเอาประวัติศาสตร์มาดู ก็จะเห็นว่า โอกาสของความล้มเหลวมีสูง เพราะที่ผ่านมา
ก็มีการเจรจามาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ล้มเหลวมาโดยตลอด ซึ่งถ้าหากในปีหน้า การเจรจาล้มเหลว
ตะวันตกก็คงจะขู่ว่าจะโจมตีอิหร่านอีก
ซึ่งจะนำไปสู่วิกฤติการณ์ในตะวันออกกลางครั้งใหม่
และหากเกิดสงครามก็จะวุ่นวายกันใหญ่
สำหรับประเทศอื่นๆในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มว่าจะมีปัญหา
คือ อิรัก ซึ่งมีแนวโน้มว่า จะเกิดสงครามกลางเมืองอีกครั้ง โดยเป็นความขัดแย้งระหว่าง
2 นิกาย คือซุนนีกับชีอะห์ ส่วนจอร์แดน ก็อาจมีความวุ่นวายมากขึ้น
โดยอาจได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองในประเทศเพื่อนบ้านคือซีเรีย
อียิปต์ก็มีแนวโน้มว่า สถานการณ์การเมืองอาจเลวร้ายลงเช่นเดียวกับเลบานอน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองในซีเรียเช่นเดียวกัน
รวมทั้งกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวkurd ซึ่งมีแนวโน้มว่า จะขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นกับตุรกี
เอเชีย
สำหรับภูมิภาคเอเชีย
โดยเฉพาะเอเชียตะวันออก ศูนย์กลางของวิกฤตการณ์ในภูมิภาค ยังคงอยู่ที่คาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะเกาหลีเหนือ
สถานการณ์น่าเป็นห่วง เพราะเกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในช่วงต้นปีนี้
และสหรัฐประเมินว่า เกาหลีเหนือน่าจะมีวัตถุดิบที่จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ถึง 5
ลูก แต่ที่น่าเป็นห่วงมากในปีหน้าคือ เสถียรภาพของการเมืองภายใน โดยรัฐบาลของ Kim
Jong-un กำลังมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ และมีกระแสข่าวความขัดแย้งภายในรัฐบาล
เมื่อเร็วๆนี้ Jang Song-thaek ซึ่งเป็นลุงของ Kim Jong-un
ได้ถูกประหารชีวิตในข้อหาพยายามทำรัฐประหารล้มรัฐบาล Kim Jong-un ดังนั้น จึงมีแนวโน้มว่า
จะเกิดการไร้เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆตามมาอีกหลายเรื่อง คือ
หากความไม่สงบทางการเมืองลุกลามกลายเป็นสงครามกลางเมือง
มหาอำนาจอาจส่งทหารเข้าแทรกแซง นอกจากนั้น ก็จะมีปัญหาตามมาในเรื่องของความมั่นคงปลอดภัยของอาวุธนิวเคลียร์
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในปีหน้า
ก็อยู่ในขั้นอันตราย เพราะในปีนี้ ก็ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ในกรณีพิพาท
เกาะเซนกากุหรือเกาะเตียวหยู ซึ่งในปีหน้า ความขัดแย้งยังจะคงมีอยู่ต่อไป แต่แนวโน้มที่เห็นได้ชัดคือ
การทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ของความขัดแย้ง ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น โดยมีสหรัฐเข้ามาวุ่นวายด้วย
จุดอันตรายอีกจุดคือทะเลจีนใต้
ที่เป็นปัญหาเรื้อรังมาหลายปี โดยเป็นความขัดแย้งระหว่างจีนกับประเทศอาเซียน
ปีนี้จีนกับเวียดนามก็ขัดแย้งกันอย่างหนัก ส่วนจีนกับฟิลิปปินส์ก็เช่นเดียวกัน
ปีหน้า ความขัดแย้งจะยังคงยืดเยื้อต่อไป แม้ว่าจะมีความพยายามในการเจรจา แต่นโยบายของจีนมีความก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะกันทางทหารระหว่างจีนกับประเทศอาเซียนได้
โดยจะมีสหรัฐเข้ามาวุ่นวายด้วยเช่นกัน
สำหรับเอเชียใต้
จุดอันตรายคือความขัดแย้งระหว่างจีนกับอินเดีย โดยเฉพาะกรณีพิพาทเรื่องพรมแดน
ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะกันทางทหารได้ และจุดอันตรายอีกจุดคือ การเผชิญหน้าทางทหารระหว่างอินเดียกับปากีสถาน
ซึ่งอาจลุกลามบานปลายจากการก่อวินาศกรรม
หรือการก่อการร้ายจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงชาวปากีสถาน ที่ผ่านมา อินเดียก็กล่าวหาปากีสถานว่าสนับสนุนการก่อการร้ายดังกล่าว นอกจากนี้ สถานการณ์อาจจะบานปลายจากความขัดแย้งในเขตแคชเมียร์ได้ด้วย
แอฟริกา
สุดท้ายคือทวีปแอฟริกา
ที่จะยังคงมีปัญหาความวุ่นวายอยู่ต่อไป โดยมีมากมายหลายประเทศที่จะมีสงครามกลางเมืองและมีความขัดแย้งขั้นรุนแรง
อาทิ ไนจีเรีย ซึ่งมีความขัดแย้งระหว่างคนที่นับถือศาสนาคริสต์กับอิสลาม ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน
ปีหน้า มีแนวโน้มค่อนข้างสูงว่า ความขัดแย้งทางศาสนา อาจลุกลามเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ก็มีหลายประเทศที่มีปัญหาการก่อการร้ายและสงครามกลางเมือง เช่น Central
African Republic ซึ่งมีปัญหาการก่อการร้ายที่รุนแรง ส่วนในซูดาน ก็เช่นเดียวกัน ก็มีปัญหาความวุ่นวาย
นอกจากนี้ มีแนวโน้มความขัดแย้งทางทหารระหว่างซูดานกับซูดานใต้ และอีกประเทศที่ต้องจับตามองคือคองโก
ซึ่งสงครามกลางเมืองน่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น
กล่าวโดยสรุป
ที่ผมได้วิเคราะห์มา จะเห็นภาพว่า ในปีหน้า สถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงโลก ยังจะอยู่ในสภาวะปั่นป่วนและวุ่นวาย
เกือบจะทั่วทั้งโลก โดยภูมิภาคที่จะวุ่นวายมากที่สุดคือ ตะวันออกกลาง รองลงมาคือ
เอเชียและแอฟริกา ส่วนอเมริกา ก็คงต้องลุ้นดูว่า
จะเกิดเหตุการณ์ 11 กันยาฯครั้งที่ 2 หรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น