คอลัมน์กระบวนทรรศน์ในวันนี้ จะวิเคราะห์ธนาคารที่มีชื่อย่อว่า
AIIB (Asian Infrastructure Investment
Bank) ซึ่งจีนได้ริเริ่มขึ้น
และท่าทีของสหรัฐ รวมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบของ AIIB ต่อระเบียบการเมืองและเศรษฐกิจโลกในอนาคต
AIIB
AIIB เป็นสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ที่รัฐบาลจีนได้เสนอในปี
2013 และได้เริ่มจัดตั้งในเดือนตุลาคมปี 2014 วัตถุประสงค์ของ AIIB ก็เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
โดยเฉพาะถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ
ธนาคารจะมีเงินทุนในตอนแรกประมาณ
5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยจีนจะเป็นผู้ลงขันรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม เงินทุน 5
หมื่นล้านเหรียญของ AIIB ยังถือว่าไม่มาก
เพราะคิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ของเงินทุนของ ADB (Asian Development Bank) อย่างไรก็ตาม
เงินทุนของ AIIB คงจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านเหรียญ เมื่อมีสมาชิกเพิ่มขึ้น
โดยขณะนี้ มีประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกกว่า 30 ประเทศแล้ว
ปัจจัยสำคัญที่จีนผลักดัน
AIIB ส่วนหนึ่ง ก็น่าจะมาจากการที่จีนไม่พอใจในสถาบันการเงินของโลกคือ
IMF และธนาคารโลก และสถาบันการเงินในภูมิภาคคือ ADB ที่ถูกครอบงำโดยสหรัฐทั้งหมด แม้ว่าจีนและประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่ จะได้เรียกร้องมานาน
ให้มีการปฏิรูปสถาบันการเงินเหล่านี้ ให้เปิดโอกาสให้จีนมีบทบาทมากขึ้น
แต่สหรัฐก็มีท่าทีเฉยเมยมาโดยตลอด ดังนั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนจึงได้ตัดสินใจผลักดันการจัดตั้งสถาบันการเงินขึ้นมาเอง
โดยไม่ต้องพึ่งสหรัฐอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ จีนได้ผลักดันการจัดตั้งธนาคาร BRICS
ซึ่งประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ และตอนนี้ก็มาผลักดัน
AIIB ขึ้นมาอีก
ซึ่งเป็นการท้าทายระเบียบเศรษฐกิจโลกของสหรัฐเป็นอย่างมาก
ท่าทีของสหรัฐ
ในช่วงปลายปีที่แล้ว
สหรัฐได้ประกาศท่าทีอย่างชัดเจนในการคัดค้านข้อเสนอของจีน และได้กดดันประเทศต่างๆ
โดยเฉพาะพันธมิตร ไม่ให้ไปเข้าร่วม AIIB สหรัฐคงจะเห็นชัดว่า AIIB
จะส่งผลกระทบทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจต่อสหรัฐเป็นอย่างมาก โดยสหรัฐหวังว่า ประเทศพันธมิตรของสหรัฐจะไม่เข้าร่วม
และข้อเสนอของจีนจะไปไม่รอด หรือไม่ AIIB
ก็จะมีประเทศเข้าร่วมไม่กี่ประเทศ
สหรัฐอ้างเหตุผลว่า
AIIB ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องความโปร่งใส และในเรื่องของธรรมาภิบาล
แต่ในความเป็นจริง ก็เห็นชัดว่า สหรัฐต่อต้านการจัดตั้ง AIIB
ก็เพราะเป็นความคิดริเริ่มของจีน การต่อต้านอย่างชัดเจนของสหรัฐในครั้งนี้ ทำให้เห็นชัดขึ้นถึงยุทธศาสตร์การสกัดกั้นการผงาดขึ้นมาของจีน
และการปิดล้อมจีนทางด้านเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม
ความพยายามของสหรัฐในการสกัดการเกิดขึ้นของ AIIB ก็ไม่เป็นผล เพราะประเทศพันธมิตรในเอเชียของสหรัฐเกือบทั้งหมด ตัดสินใจเข้าร่วม
AIIB โดยประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้าร่วม มีเพียงญี่ปุ่น
เกาหลีใต้ ออสเตรเลียเท่านั้น ที่ยังลังเลอยู่ และในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง
ประเทศอังกฤษที่เป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นที่สุดของสหรัฐ ก็ได้ประกาศเข้าร่วม AIIB และต่อมาเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลีก็ได้ตัดสินใจเข้าร่วม AIIB ตามอังกฤษไปด้วย
บทวิเคราะห์
การจัดตั้ง
AIIB ท่าทีของสหรัฐ และการเข้าร่วม AIIB ของประเทศต่างๆ กว่า 30 ประเทศ
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของระเบียบการเมืองและเศรษฐกิจโลกโดยมีนัยยะสำคัญ ดังนี้
สถานการณ์การจัดตั้ง AIIB ในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงการผงาดขึ้นของจีน และการเสื่อมถอยของอิทธิพลของสหรัฐอย่างชัดเจน
ในอดีต ในยุคสมัยที่สหรัฐครองความเป็นเจ้าและมีอำนาจล้นฟ้า ถ้าสหรัฐออกมาคัดค้าน
พันธมิตรของสหรัฐก็จะต้องถอยกันหมด แต่ในครั้งนี้ กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
แม้ว่าสหรัฐจะคัดค้านอย่างเต็มที่และพยายามกดดันประเทศพันธมิตรและประเทศต่างๆไม่ให้เข้าร่วม
แต่ในที่สุด ก็แทบจะไม่มีประเทศใดสนใจการคัดแค้นและแรงกดดันจากสหรัฐเลย ซึ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจน
ถึงอิทธิพลของสหรัฐที่เสื่อมถอยลงไปเป็นอย่างมาก
ที่มีนัยยะสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือการตัดสินใจของอังกฤษ
ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐ ในการเข้าร่วม AIIB การตัดสินใจของอังกฤษอาจจะเป็นสิ่งบ่งชี้ที่สำคัญ ถึงการสิ้นสุดของศตวรรษของอเมริกา
และการเกิดขึ้นของศตวรรษแห่งเอเชีย การตัดสินใจของอังกฤษอาจเป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ที่ชี้ให้เห็นว่า
สหรัฐไม่สามารถครอบงำประวัติศาสตร์โลกได้อีกต่อไป และชี้ให้เห็นถึงการอุบัติขึ้นของจีนในฐานะมหาอำนาจโลกใหม่
การที่สหรัฐคัดค้านไม่เข้าร่วม AIIB มีผล แทนที่จะโดดเดี่ยวจีน
แต่กลับกลายเป็นสหรัฐกำลังถูกโดดเดี่ยว เพราะประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเกือบทั้งหมดได้กระโดดเข้าร่วม
AIIB สหรัฐกำลังตกที่นั่งลำบากเพราะถ้าจะคัดค้าน AIIB ต่อไป ก็จะยิ่งถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น แต่ถ้าจะเข้าร่วมเป็นสมาชิก AIIB ก็ดูจะสายไปเสียแล้ว และที่สำคัญ คือสหรัฐจะเสียหน้ามาก
นับเป็นการเดินเกมทางการทูตที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ของสหรัฐอีกครั้งหนึ่ง
ดูเหมือนกับว่า สหรัฐกำลังสับสนและไม่รู้ว่าจะปรับนโยบายอย่างไรดี
เพื่อรองรับต่อการเสื่อมถอยอำนาจของตน และรองรับการผงาดขึ้นมาของจีน จึงเห็นได้ชัดว่า
นโยบายต่างประเทศของสหรัฐในปัจจุบัน ดูสับสนวุ่นวายและผิดพลาดไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นนโยบายในตะวันออกกลาง สงครามต่อต้านการก่อการร้าย นโยบายต่อรัสเซีย
และยุทธศาสตร์ rebalancing ของสหรัฐในเอเชีย ซึ่งดูล้มเหลวหมด
สหรัฐกำลังตกที่นั่งลำบากและสับสนว่า
จะต้องปรับตัวอย่างไร สหรัฐยังคงยึดนโยบายเก่าๆ ที่ทำตัวเป็นลูกพี่ใหญ่
และบีบทุกประเทศให้เดินตามสหรัฐ ในขณะที่สหรัฐลืมไปว่า อำนาจและอิทธิพลของตน ลดลงไปมากแล้ว
และสหรัฐไม่อยู่ในสถานะที่จะบีบประเทศต่างๆให้ทำตามสหรัฐได้อีกต่อไป
AIIB กลายเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน
โดยสหรัฐได้วิตกกังวลอย่างมากว่า AIIB
จะมาลดทอนบทบาทของสถาบันการเงินที่สหรัฐครอบงำคือ IMF ธนาคารโลก และ ADB การเดินเกมกดดันให้พันธมิตรไม่เข้าร่วม AIIB สหรัฐจึงทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเดิมพันในเรื่องอิทธิพลของสหรัฐกับจีน
ซึ่งในที่สุด จีนก็เป็นฝ่ายชนะ และสหรัฐเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ผลลัพธ์ของการตั้ง
AIIB สำเร็จ ได้ชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าในอดีต สหรัฐสามารถเล่นเกมแบ่งแยกและปกครองได้
แต่ขณะนี้ จีนก็สามารถเล่นเกมแบ่งแยกได้เหมือนกัน
นั่นก็คือทำให้สหรัฐและพันธมิตรแตกแยกกัน และทำให้สถานะการเป็นผู้นำในเอเชียของสหรัฐสั่นคลอนลงไปเป็นอย่างมาก
ท่าทีของสหรัฐต่อ AIIB ในครั้งนี้
ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดถึงยุทธศาสตร์การต่อต้านจีนของสหรัฐ
สหรัฐได้ทำต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการปิดล้อมจีนทางทหาร
การจุดประเด็นและการเข้าแทรกแซงในปัญหาทะเลจีนใต้ การผลักดัน TPP ให้เป็น FTA ของภูมิภาค โดยไม่ได้เชิญจีนให้เข้าร่วม TPP จึงเท่ากับเป็นการโดดเดี่ยวและปิดล้อมจีนทางเศรษฐกิจ ดังนั้น
จากเหตุการณ์ AIIB
ยิ่งทำให้เห็นชัดขึ้นว่ายุทธศาสตร์ rebalancing ของสหรัฐ ก็น่าจะเป็นยุทธศาสตร์การปิดล้อมจีนนั่นเอง
การจัดตั้ง AIIB
ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบในระยะยาวอย่างไร
การจัดตั้ง AIIB ของจีน ยังไม่ถือว่า จีนจะผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก
เพราะในภาพรวมแล้ว อำนาจทางทหารและเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงเหนือกว่าจีนมาก และ AIIB ก็เป็นเพียงสถาบันการเงินในระดับภูมิภาค จีนก็คงจะเป็นมหาอำนาจในระดับภูมิภาค
สหรัฐยังคงจะครอบงำสถาบันการเงินในระดับโลกอยู่เหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ก็มีความเป็นไปได้ว่า จากความสำเร็จของการจัดตั้ง
AIIB ของจีนในครั้งนี้ น่าจะทำให้ ในอนาคต ในระยะยาว
ก้าวต่อไปของจีนก็คือการเดินหน้าผลักดันการจัดตั้งสถาบันการเงินในระดับโลกของจีนขึ้นมา
ซึ่งก็จะเป็นการท้าทายการครอบงำระเบียบการเงินโลกของสหรัฐอย่างชัดเจน
รบกวนติดตามความเคลื่อนไหวของผมได้ที่ www.drprapat.com
รบกวนติดตามความเคลื่อนไหวของผมได้ที่ www.drprapat.com
1 ความคิดเห็น:
If you're trying to burn fat then you have to start using this totally brand new personalized keto meal plan diet.
To create this service, licensed nutritionists, fitness trainers, and chefs have joined together to develop keto meal plans that are powerful, suitable, economically-efficient, and satisfying.
Since their first launch in early 2019, thousands of people have already completely transformed their figure and health with the benefits a great keto meal plan diet can offer.
Speaking of benefits: clicking this link, you'll discover eight scientifically-certified ones given by the keto meal plan diet.
แสดงความคิดเห็น