Follow prapat1909 on Twitter

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (ตอนที่ 6):ทำไม Hillary Clinton ถึงแพ้?

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (ตอนที่ 6):
ทำไม Hillary Clinton ถึงแพ้?


การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ คอลัมน์โลกทรรศน์ในวันนี้ จะมาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ล่าสุด โดยจะวิเคราะห์สาเหตุที่ทำไม Hillary Clinton ถึงแพ้ Barack Obama ในการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เพื่อช่วงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในเดือนพฤศจิกายนนี้
Hillary Clinton นั้น ในตอนแรก คือช่วงปลายปีที่แล้ว มีคะแนนนำโด่งเหนือกว่าผู้สมัคร คนอื่นๆ ในพรรคเดโมแครต โดยมีคะแนนนำ Obama กว่า 20% อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยหลายๆเรื่องที่มีส่วนให้ Hillary ซึ่งคาดว่าจะนอนมา กลับพ่ายแพ้ในที่สุด
บุคลิกภาพ
ปัจจัยประการแรกที่ทำให้ Hillary แพ้ คือ บุคลิกภาพ
ในตอนแรก ดูเหมือนกับว่า ลักษณะประจำตัวของ Hillary น่าจะเป็นต่อ Obama โดยเฉพาะ
ในเรื่องของ ประสบการณ์ และความสามารถในการโต้วาที Hillary ดูจะเป็นต่อในเรื่องการนำเสนอนโยบายที่เป็นรูปธรรมมากกว่า แต่ในที่สุด จุดแข็งของ Hillary กลับกลายเป็นจุดอ่อน ที่ Obama เอามาตอกย้ำ คือ ประสบการณ์ของ Hillary กลายเป็นประสบการณ์ที่ไปลงคะแนนสนับสนุนการบุกอิรักของรัฐบาล Bush คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่มีความเชื่อมั่นต่อคนที่มีประสบการณ์อีกต่อไป หลังจากที่ Bush ได้เลือกคนที่มีประสบการณ์ อย่างเช่น Dick Cheney และ Donald Rumsfeld
ในขณะที่ Obama กลับมีบุคลิกที่ดูจะโดนใจคนอเมริกัน เขาพยายามสร้างภาพว่า เป็นผู้ที่จะ
นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง และคำที่สำคัญที่สุดของ Obama คือคำว่า “การเปลี่ยนแปลง” (change) Obama สร้างภาพว่า เขาคือความหวังของอเมริกันที่ผิดหวังอย่างยิ่งต่อรัฐบาล Bush และ Obama ยังมีความสามารถในการกล่าวสุนทรพจน์ที่สะกดใจคนฟัง ทำให้มีผู้สนับสนุนเขามากขึ้นเรื่อยๆ หากได้เป็นประธานาธิบดี Obama จะเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก แต่ Obama ก็กล้าที่จะประกาศว่า เขาจะไม่เอาเรื่องสีผิวมายุ่งกับการเมือง และเขาประกาศว่า เขาจะเล่นการเมืองแบบใหม่ คือ จะไม่เป็นการเมืองแบบเก่าๆที่จะแบ่งขั้วเป็นเสรีนิยมและอนุรักษ์นิยม Obama จึงกลายเป็นคนหนุ่มที่มองโลกในแง่ดี และถูกหวังว่าคงจะสามารถสร้างเอกภาพขึ้นในชาติ
สำหรับ Hillary นั้น หลังจากเป็นผู้ตาม Obama ก็ได้มีความพยายามจากทีมหาเสียงที่จะ
เปลี่ยนบุคลิกภาพของเธอหลายครั้ง จาก Hillary ที่เป็น นักสู้ หรือ fighter มาเป็น Hillary ที่เป็นหญิงเหล็ก และกลายมาเป็น Hillary ที่เป็นผู้หญิงธรรมดาที่มีความอ่อนไหวและสามารถร้องไห้ออกมาได้ และในตอนท้ายก็กลายเป็น Hillary ที่เป็นวีรสตรีของชนชั้นกรรมาชน การเปลี่ยนบุคลิกภาพไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ทำให้ในที่สุด คนอเมริกันก็มองว่า Hillary คือนักฉวยโอกาส และมองว่า Hillary ใส่หน้ากาก และไม่รู้ว่า Hillary จริงๆ นั้น คือใคร
ยุทธศาสตร์
ปัจจัยต่อมาที่ทำให้ Hillary พ่ายแพ้คือ ยุทธศาสตร์ในการหาเสียง ซึ่งมีหลายเรื่องด้วยกัน
เรื่องแรกคือ หลังจากที่ถูก Obama นำในคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง และทำท่าว่าจะแพ้ Hillary ก็ปรับยุทธศาสตร์ในการโจมตีตัว Obama หนักขึ้นเรื่อยๆ จึงมีลักษณะยุทธศาสตร์การสาดโคลน และมุ่งทำลายตัว Obama เป็นหลัก แทนที่จะไปมุ่งเรื่องนโยบาย ยุทธศาสตร์แบบนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า negative campaign โดยในระยะหลังๆ ได้มีการขุดคุ้ยความไม่ดีของ Obama ขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวหาว่าเป็นมุสลิม เป็นผิวดำ เป็นคนหลอกลวง และยังมีการขุดคุ้ยว่า Obama มีความสัมพันธ์กับมาเฟียในชิคาโก และอีกหลายๆ เรื่อง
ยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดอีกประการของ Hillary คือ การไปเน้นหาเสียงที่รัฐใหญ่และไม่
สนใจรัฐเล็ก ๆ มีการประเมินสถานการณ์ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยมองว่า Hillary น่าจะชนะ Obama ได้ขาดลอยในช่วง Super Tuesday แต่จากการประมาทเช่นนั้น จึงทำให้ Obama ชนะในรัฐเล็กๆ โดยเฉพาะในช่วงหลัง Super Tuesday Obama ชนะติดต่อกันถึง 12 รัฐ และมีส่วนอย่างสำคัญยิ่งที่ทำให้ Obama นำห่าง จน Hillary ไล่ไม่ทันในที่สุด
ประการต่อมาคือ ความผิดพลาดในการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” โดยหลังจาก Super Tuesday Hillary แพ้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้มีการเปลี่ยนหัวหน้าทีมหาเสียงหลายครั้ง จึงทำให้ทีมหาเสียงรวนเรไปหมด และทั้งทีมหาเสียงและทีมที่ปรึกษา ก็เป็นคนในสมัยประธานาธิบดี Clinton แทบทั้งสิ้น คนเหล่านี้ยังติดยึดอยู่กับยุทธศาสตร์การหาเสียงในยุคทศวรรษ 1990 แต่มันใช้ไม่ได้แล้วในศตวรรษที่ 21
การดึงเอา Bill Clinton มาช่วยหาเสียง แทนที่จะเป็นบวกกลับกลายเป็นลบ ทั้งนี้เพราะ Bill Clinton ยังคงเป็นขวัญใจของชาวอเมริกัน ดังนั้นจึงมาบดบังราศีของ Hillary และไปตอกย้ำว่า Hillary นั้น จริงๆ แล้ว ได้ดีก็เพราะสามี
อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดความผิดพลาดคือ ยุทธศาสตร์การหาเงินสนับสนุน ทีมของ Hillary ล้าสมัยและยังติดยึดอยู่กับ connection เก่าๆ และได้ทุ่มเงินในช่วงแรกของการหาเสียงโดยไม่ได้คิดว่าจะยืดเยื้อ แต่เมื่อต้องแข่งกับ Obama อย่างยืดเยื้อ ในที่สุดเงินทุนก็ร่อยหรอ จนถึงขั้นที่ Hillary ต้องไปกู้เงินมาเป็นจำนวนมาก
ยุทธศาสตร์ของ Hillary ที่ผิดพลาดเหล่านี้ ต่างจากยุทธศาสตร์ของ Obama ที่ดำเนินยุทธศาสตร์อย่างรัดกุมโดย Obama พยายามเน้นในเรื่องของนโยบายปฏิรูป การเปลี่ยนแปลง และไม่โจมตีตัวบุคคล คือ ไม่เน้น negative campaign และไม่สาดโคลน ยุทธศาสตร์การเน้นชนะที่รัฐเล็ก และ Obama ยังมีทีมหาเสียงที่มีระบบการจัดการอย่างดีเยี่ยม วิธีการหาเงินสนับสนุนก็นำเอาวิธีสมัยใหม่มาใช้ โดยเฉพาะการหาเงินผ่านทาง internet และไม่เน้นผู้สนับสนุนรายใหญ่ แต่ใครจะสนับสนุนเท่าไหร่ก็ได้ website ของ Obama จึงประสบความสำเร็จในการระดมทุน และกลายเป็นเครือข่ายของผู้สนับสนุน ซึ่งมีบทบาทอย่างสำคัญที่ทำให้ Obama ชนะ
นโยบาย
ข้อผิดพลาดอีกประการของ Hillary คือ การนำเสนอนโยบายที่แทงกั๊กมากเกินไป โดย
Hillary กลัวว่า จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งซ้ายและขวา จึงพยายามดำเนินนโยบายสายกลาง ผลที่ออกมาคือ กลายเป็นนโยบายที่ไม่น่าสนใจ และกลับกลายเป็นว่า นโยบายของรัฐบาล Bush จากที่เคยขวาจัดและเป็นสายเหยี่ยว แต่ในตอนหลังๆ หลังจากประสบความล้มเหลว รัฐบาล Bush ก็ปรับนโยบายเข้าสู่สายกลางมากขึ้น ไป ๆ มาๆ จึงกลายเป็นว่า นโยบายของ Bush และนโยบายของ Hillary ก็แทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ จึงทำให้ดูไม่น่าสนใจ บรรยากาศขณะนี้คือ คนอเมริกันต้องการความเปลี่ยนแปลงและเบื่อนโยบายสายกลาง ดังนั้น นโยบายของ Obama ที่เน้นการปฏิรูป การเปลี่ยนแปลง จึงโดนใจคนอเมริกันเป็นอย่างมาก
กลุ่มผู้สนับสนุน
จากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดดังที่ผมได้กล่าวข้างต้น จึงทำให้ในตอนท้าย กลุ่มผู้ที่
สนับสนุน Hillary ก็น้อยลงทุกที กลุ่มที่เคยสนับสนุน Hillary คือ กลุ่มผิวขาว กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้หญิง แต่ในช่วงหลังๆ ก็กลับไปสนับสนุน Obama แทน ที่จะยังพอสนับสนุน Hillary อยู่คือ พวกชนชั้นแรงงานผิวขาว และกลุ่ม Latinos เท่านั้น ส่วน Obama นั้นได้รับการสนับสนุนจากเกือบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนหนุ่มคนสาว ผู้สูงอายุ ผิวขาว ผิวดำ และที่สำคัญคือ กลุ่มอิสระ หรือที่เรียกว่า independents กลุ่มนี้ในตอนหลังๆ ก็หันมาสนับสนุน Obama
ผมเคยวิเคราะห์ไปแล้วว่า ในที่สุด กลุ่มที่จะตัดสินว่า Obama หรือ Hillary จะชนะคือ กลุ่มที่เรียกว่า Super Delegates ซึ่งคล้ายๆ กับ ผู้บริหารพรรคเดโมแครต ซึ่งมีอยู่ประมาณ 800 คน ในตอนแรกๆ ส่วนใหญ่ก็ยังสนับสนุน Hillary ทั้งนี้เพราะ บารมีของ Bill Clinton อย่างไรก็ตาม ในตอนหลัง ๆ Super Delegates หลายคนได้มีการออกมาประกาศสนับสนุน Obama มากขึ้นเรื่อยๆ คนสำคัญในพรรคที่ออกมาประกาศสนับสนุน Obama และมีผลกระทบอย่างมาก คือ Edward Kennedy น้องชายของอดีตประธานาธิบดี John F. Kennedy โดย Edward ประกาศกร้าวว่า เขาสนับสนุน Obama เพราะ การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งที่เกี่ยวกับอนาคต ไม่ใช่ เกี่ยวกับอดีต ซึ่งถ้าจะตีความก็หมายความว่า Obama คืออนาคต และ Hillary คืออดีตนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมี John Edwards ที่เคยลงชิงชัยเป็นตัวแทนพรรค แต่ในตอนหลังได้ถอนตัวออกไป ก็ได้ออกมาประกาศสนับสนุน Obama อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ Al Gore อดีตรองประธานาธิบดีในสมัย Bill Clinton ซึ่งยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในพรรค ก็ปิดปากเงียบไม่ออกมาประกาศสนับสนุนใคร
สิ่งเหล่านี้ ในที่สุดก็นำไปสู่ความพ่ายแพ้ของ Hillary

ไม่มีความคิดเห็น: